top of page

Defragment and Optimize Drives คืออะไร?

🔧 Defragment and Optimize Drives คืออะไร?

Defragment and Optimize Drives คือยูทิลิตี้ (utility) ที่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งใช้ในการ:

  • ตรวจสอบระดับการกระจัดกระจายของไฟล์ (fragmentation) บนฮาร์ดดิสก์

  • จัดเรียงไฟล์ข้อมูลที่กระจัดกระจายให้กลับมาต่อเนื่องกัน

  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงไฟล์โดยการลดการเคลื่อนไหวของหัวอ่านดิสก์

Windows จะตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติทุกสัปดาห์ (Scheduled defragmentation) สำหรับไดรฟ์ที่เป็น HDD


💿 HDD กับ Fragmentation: ทำไมต้อง Defrag?

1. โครงสร้างทางกายภาพของ HDD

  • HDD เป็นดิสก์แบบกลไกที่ประกอบด้วยจานหมุน (platter) และหัวอ่าน/เขียน (read/write head)

  • ข้อมูลถูกเขียนลงเป็นบล็อกต่อ ๆ กันบนจาน

  • เมื่อมีการลบ/เขียนไฟล์ใหม่ ข้อมูลใหม่อาจถูกเขียนในที่ว่างที่ไม่ต่อเนื่องกัน → เกิด “fragmentation”

2. ปัญหาจาก Fragmentation

  • หัวอ่านต้องเคลื่อนที่ไปยังหลายตำแหน่งเพื่ออ่านไฟล์ → ช้าลง

  • เวลาเปิดไฟล์หรือบูตเครื่องอาจเพิ่มขึ้น

  • การจัดเรียงข้อมูลใหม่ (defragment) ช่วยให้ไฟล์อยู่ติดกัน → ลดการเคลื่อนหัวอ่าน → เพิ่มความเร็ว

3. การ Optimize บน HDD

  • Windows จะทำ “defrag” เต็มรูปแบบ (ย้ายบล็อกข้อมูลจริง ๆ)

  • เครื่องมือเช่น Defragment and Optimize Drives จะย้ายไฟล์ทีละบล็อกเพื่อให้ติดกันในลำดับที่เหมาะสม

SSD (Solid-State Drive) กับ Defrag: ทำไมไม่ควรทำ?

1. โครงสร้างของ SSD ต่างจาก HDD อย่างไร?

  • SSD ไม่มีจานหมุนหรือหัวอ่าน

  • ใช้ หน่วยความจำแฟลช (flash memory) เพื่อจัดเก็บข้อมูล

  • การเข้าถึงข้อมูลบน SSD เป็นแบบ “สุ่มได้เร็ว” (random access) ทุกตำแหน่ง → ไม่สำคัญว่าข้อมูลอยู่ติดกันหรือไม่

2. เหตุผลที่ไม่ควร Defrag SSD

❌ ไม่ได้เพิ่มความเร็ว

  • SSD ไม่ได้รับผลกระทบจาก fragmentation → Defrag ไม่มีประโยชน์เชิง performance

  • เวลาเข้าถึงไฟล์ไม่ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของข้อมูลใน physical block

⚠️ ลดอายุการใช้งาน SSD

  • SSD มี จำนวนครั้งจำกัดในการเขียนข้อมูล (write cycles)

  • การ defrag จะทำให้ SSD ต้อง เขียนข้อมูลซ้ำจำนวนมาก ซึ่งไม่จำเป็น → สิ้นเปลือง write cycle → ทำให้ SSD เสื่อมเร็วขึ้น

✅ Windows ปรับให้เหมาะกับ SSD แล้ว

  • Windows จะไม่ทำ defrag บน SSD โดยตรง

  • แต่จะทำการ “TRIM” แทน (โดยใช้ Optimize Drives)

แล้ว TRIM คืออะไร?

  • TRIM เป็นคำสั่งที่แจ้งให้ SSD ทราบว่า “พื้นที่ที่ไฟล์ถูกลบไปแล้วสามารถลบทางกายภาพได้เลย”

  • ช่วยให้ SSD ทำงานได้รวดเร็วขึ้นในระยะยาว โดยไม่ต้องเขียนทับพื้นที่เดิม

  • ช่วย รักษาความเร็วและยืดอายุการใช้งานของ SSD

เมื่อคุณใช้คำสั่ง “Optimize” บน SSD → Windows จะใช้ TRIM command ไม่ใช่ Defrag


🔍 สรุปความแตกต่างระหว่าง HDD และ SSD

หัวข้อ

HDD

SSD

กลไกการทำงาน

จานหมุน + หัวอ่าน

หน่วยความจำแฟลช

มีผลจาก fragmentation หรือไม่?

มีผลมาก → ทำให้ช้าลง

ไม่มีผล → random access อยู่แล้ว

การ defrag มีประโยชน์ไหม?

มี → เพิ่มความเร็ว

ไม่มีประโยชน์

ควร defrag ไหม?

ควรทำเป็นระยะ ๆ

ไม่ควรทำเด็ดขาด

คำสั่ง Optimize บน Windows

ทำการ defrag

ทำการ TRIM


✅ สรุปสุดท้าย

  • HDD → ใช้ Defragment เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่านไฟล์

  • SSD → หลีกเลี่ยงการ Defragment เพราะจะลดอายุการใช้งานโดยไม่จำเป็น

  • Windows รู้จักแยกแยะอัตโนมัติ โดยใช้ TRIM แทน Defrag บน SSD ผ่านฟีเจอร์ "Optimize Drives"

Recent Posts

See All
รู้จักระบบไฟล์ exFAT, NTFS, EXT2, EXT3, EXT4: เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

ระบบไฟล์ (File System) คือหัวใจสำคัญของการจัดการข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ เปรียบเสมือน "ระบบจัดชั้นเอกสาร" ที่ทำให้ระบบปฏิบัติการสามารถจัดร...

 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
Post: Blog2_Post

​Message for International and Thai Readers Understanding My Medical Context in Thailand

Message for International and Thai Readers Understanding My Broader Content Beyond Medicine

bottom of page