โจทย์: ผู้ป่วยไอเป็นเลือดมา 2 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล
ข้อที่ 1: ซักประวัติเพื่อใช้ในการวินิจฉัย
อาการไอเป็นเลือด:
ไอเป็นเลือดมาได้กี่วัน?
ปริมาณเลือดที่ไอออกมาเป็นอย่างไร (ปริมาณน้อย/มาก)?
ไอแห้งหรือไอมีเสมหะ?
อาการที่เกี่ยวข้อง:
มีไข้หรือไม่?
มีเหงื่อออกตอนกลางคืนหรือไม่?
น้ำหนักลดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา (ประวัติการลดน้ำหนัก)?
อ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่ายหรือไม่?
ประวัติเพิ่มเติม:
เคยมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคหรือไม่?
ประวัติการเดินทางไปพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของวัณโรค?
เคยมีการตรวจหา HIV หรือภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือไม่ (ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของ TB)?
การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์?
เฉลย
อาการไอเป็นเลือด:
อาการที่เกี่ยวข้อง:
ประวัติเพิ่มเติม:
ข้อที่ 2: อ่านแล้วแปลผลภาพ AFB จาก Sputum

ภาพนี้เป็นการตรวจเสมหะโดยการย้อมสีกรด (Acid-Fast Bacilli, AFB) เพื่อตรวจหาเชื้อ Mycobacterium tuberculosis.
ผลการตรวจ: พบว่าผล AFB จากเสมหะเป็น บวก (Positive AFB).
นี่หมายความว่าผู้ป่วยมีเชื้อวัณโรคในเสมหะ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการวินิจฉัยวัณโรคในปอด (Pulmonary Tuberculosis).
ข้อที่ 3: วินิจฉัยแยกโรค (Differential Diagnosis)
วินิจฉัยหลัก: Pulmonary Tuberculosis (วัณโรคปอด)
จากประวัติอาการ (ไอเป็นเลือด น้ำหนักลด ไข้ เหงื่อออกกลางคืน) ร่วมกับผลการตรวจ AFB จากเสมหะที่เป็นบวก ทำให้การวินิจฉัยวัณโรคปอดเป็นไปได้สูงที่สุด.
โรคที่ควรแยกโรค:
Lung Cancer: ถ้าผู้ป่วยสูบบุหรี่หรือมีอายุสูง.
Bronchiectasis: ถ้ามีประวัติการติดเชื้อทางเดินหายใจเรื้อรัง.
Pneumonia: พิจารณาได้หากผู้ป่วยมีไข้และเสมหะมาก.
ข้อที่ 4: การรักษา (Treatment Plan)
ยาต้านวัณโรค (Anti-TB drugs):
แผนการรักษาเป็น สูตร 2IRZE/4IR:
2 เดือนแรก (Intensive phase):
Isoniazid (INH) 300 mg/day
Rifampicin 600 mg/day
Pyrazinamide 25 mg/kg/day
Ethambutol 15 mg/kg/day
4 เดือนต่อมา (Continuation phase):
Isoniazid (INH) 300 mg/day
Rifampicin 600 mg/day
ติดตามผล: ตรวจการทำงานของตับ (liver function tests) เพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา.
คำแนะนำผู้ป่วย: แนะนำผู้ป่วยให้รับประทานยาตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการดื้อยา และใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ.
Comentarios